Translate

วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2558

การถามสถานที่เกิด (Asking about a birthplace)


มาดูสำนวนที่ใช้ในการสถานที่เกิดกันจะได้นำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง
1.Where were you born? คุณเกิดที่ไหน
2.Where was she / he born? หล่อน/เขา เกิดที่ไหน
3.Where were they born? พวกเขาเกิดที่ไหน
4.Where is your birthplace? สถานที่เกิดของคุณคือที่ไหน
5.Where is his/her birthplace? สถานที่เกิดของเขา/หล่อนคือที่ไหน
6.Where is their/our birthplace?สถานที่เกิดของพวกเขา/พวกเราคือที่ไหน

ง่ายไหมละคะ เราจะใช้ was กับ ชื่อ หรือสรรพนามเอกพจน์ ,were กับ พหูพจน์นะคะ

มีคนถามก็ต้องมีคนตอบ มาดูว่าสำนวนในการตอบกัน

1.I was born in Thailand.  ฉันเกิดที่ประเทศไทย
2.He/She was born at Bangkok Hospital.  เขา/หล่อน เกิดที่โรงพยาบาลกรุงเทพ
3.They/We were born in England.พวกเขา/พวกเราเกิดที่ประเทศอังกฤษ
4.My birthplace is Yasothon Province. สถานที่เกิดของฉันคือจังหวัดยโสธร
5.His/Her birthplace is in America.สถานที่เกิดของเขา/หล่อน คือประเทศอเมริกา
6.Their/Our birthplace is in Australia.สถานที่เกิดของพวกเขา/พวกเรา คือออสเตรเลีย

**คำที่ขีดเส้นใต้สามารถเปลี่ยนเป็นคำที่เราต้องการได้

Interesting Tip!

ในการบอกสถานที่นั้น มีหลักๆ อยู่ 2 อย่างคือ at กับ in
* at ใช้กับสถานที่ที่ระบุเฉพาะเจาะจง เช่น at Bangkok Hospital.
* in ใช้เมือต้องการบอกว่าสถานที่นั้นมีขนาดใหญ่ กว้างขวาง  เช่น  in America.






วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2558

การถามวันเกิด (Asking about a birthday)





สำนวนที่ใช้ในการถามวันเกิดมีอะไรกันบ้างมาดูกัน
1.When were you born? คุณเกิดเมื่อไหร่
2.When was he/she born? เขา/หล่อนเกิดเมื่อไหร่
3.May I know your birthday ,please? ขอทราบวันเกิดหน่อยได้ไหม คะ/ครับ

เมื่อมีคนถามวันเกิดเราจะตอบยังไงมาดูกันเลยกับสำนวนที่ใช้ในการตอบว่าเกิดวันไหน
1.I was born on September 10th  ,1996.   ฉันเกิดวันที่ 10 เดือนกันยายน ปี1996
2.He/she was born on May 23th ,1990. เขา/หล่อนเกิดวันที่ 23 พฤษภาคม ปี 1990
3.My birthday is September 10 th ,1996.  วันเกิดของฉันคือ 10 เดือนกันยายน ปี 1996

**คำที่ขีดเส้นใต้สามารถเปลียนเป็นคำที่เราต้องการได้ 

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2558

การถามอายุ (Asking about an age)

มาดูสำนวนที่ใช้ในการถามอายุ กัน
1.How old are you?คุณอายุเท่าไหร่ คะ/ครับ
2.How old is she/he?หล่อน/เขาอายุเท่าไหร่ คะ/ครับ
3.How old are they?พวกเขาอายุเท่าไหร่ คะ/ครับ
4.Do you mind if I'd like to know your age?คุณจะรังเกียจไหมถ้าฉันอยากจะทราบอายุของคุณ คะ/ครับ

ต่อมาเรามาดูสำนวนในการตอบเรื่องอายุกัน
1.I am 18 years old.ฉัน/ผม อายุ 18 ปี  คะ/ครับ
2.She/He  is about 22 years old.หล่อน/เขา อายุประมาณ 22 ปี คะ/ครับ
3.They /We are about 30 years old.พวกเขา/พวกเรา อายุประมาณ 30 ปี คะ/ครับ
4.I am sorry. I am afraid I can't tell you.ขอโทษนะ เกรงว่าคงบอกไม่ได้ คะ/ครับ
5.Don't worry about it.It's just a figure. อย่าไปใส่ใจเลย มันก็แค่ตัวเลขน่ะ

**คำที่ขีดเส้นใต้สามารถเปลี่ยนเป็นคำที่เราต้องการได้


Interesting Tips!

การถามอายุในวัฒนธรรมตะวันตกนั้น ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรถาม เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ถ้าสนิทกันก็สามารถถามได้ แต่ถ้าจำเป็นต้องถามอายุกับผู้ที่ไม่สนิท ควรจะพูดว่า Excuse me ก่อนถาม เพื่อแสดงถึงความมีมารยาท เช่น
Excuse me,do you mind if I'd like to know your age? ขอโทษนะ คุณจะรังเกียจไหมถ้าฉันอยากจะทราบอายุของคุณ คะ/ครับ




วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

การขอร้อง(Requesting)


สำนวนที่ใช้ในการขอร้องมีอะไรกันบ้างนะมาดููกัน
1.Can you help me?  คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม
2.Could you help me? คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม
3.May I bother you a moment? ขอรบกวนคุณสักครู่นะ คะ/ครับ
4.Could you please turn on the light? คุณช่วยเปิดไฟหน่อยได้มั้ย คะ/ครับ
5.Would you please help me carry this? คุณช่วยถือนี่ให้หน่อยได้มั้ย คะ/ครับ

** คำที่เขียนเส้นใต้สามารถเปลี่ยนเป็นคำอื่นที่เราต้องการได้

แล้วสำนวนที่ใช้ตอบรับคำขอร้องละมีอะไรบ้างมาดูกันต่อเลย
1.Yes,I can.What? ได้ อะไรละ
2.Yes,I could .Please tell me. ได้ บอกมาเลย
3.Yes, you may. ได้ คะ/ครับ
4.Yes,I could. ได้ คะ/ครับ
5.Yes,I would. ได้ คะ/ครับ
6.OK.ตกลง
7.Certainly. ได้แน่นอน

ต่อมาเราจะดูสำนวนที่ตอบปฏิเสธคำขอขอร้องกัน
1.I am sorry .I am afraid I can't.ขอโทษนะ คะ/ครับ  เกรงว่าคงไม่ได้ 
2.I am afraid not. เกรงว่าไม่ได้ อะคะ/ครับ
3.I am really sorry. ขอโทษจริงๆ คะ/ครับ
4.I am terribly sorry. ขอโทษจริงๆ คะ/ครับ

วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2558

การขอโทษ (Apologizing)



สำนวนที่ใช้ในการขอโทษมีอะไรมาดูกัน

1.I am sorry. ฉันขอโทษ
2.I am really sorry. ฉันขอโทษจริงๆ
3.I am terribly sorry.ฉันต้องขอโทษเป็นอย่างมาก
4.Forgive me.ยกโทษให้ฉันนะ
5.I apologize to you. ฉันขอโทษ
6.I apologize for my carelessness. ฉันโทษด้วยสำหรับความสะเพร่าของฉัน
7.I'm sorry to have troubled you.ขอโทษด้วยนะคะ/ครับ ที่รบกวน คุณ
8.I am sorry for everything. ฉันขอโทษสำหรับทุกๆอย่าง
9.Excuse me.ขอโทษนะ
10.Excuse me for a moment.ขอตัวสักครู่นะ
11.Pardon?ไม่ทราบว่าอะไรนะ คะ/ครับ
12.I beg you pardon?ขอโทษนะ คะ/ครับ ไม่ทราบว่าอะไรนะ คะ/ครับ

**คำที่ขีดเส้นใต้สามารถเปลี่ยนเป็นคำอื่นที่เราต้องการได้

ต่อมาเรามาดูสำนวนที่ใช้ในการตอบรับคำขอโทษกัน

1.That's all OK.ไม่เป็นไร
2.That's OK.ไม่เป็นไร
3.Never mind.ไม่เป็นไร
4.Don't mention it.อย่าไปใส่ใจมันเลย
5.No problem.ไม่มีปัญหา
6.Don't worry.อย่ากังวลไปเลย


Interesting Tips

คงจะมีคนสงสัยละสิว่า sorry ,excuse me และ pardon มันแปลว่า ขอโทษเหมือนกัน แต่มันจะใช้แตกต่างกันยังไงมาดูกัน

*Sorry นั้นใช้เมื่อเราทำอะไรผิดพลาดไป เช่น
I'm sorry to have troubled you.ขอโทษด้วยนะ คะ/ครับ ที่รบกวนคุณ

*Excuse me นั่นจะใช้เมื่อเราไปรบกวนถามอะไรผู้อื่น เช่น
Excuse me ,Where is a toilet?ขอโทษนะ คะ/ครับ ห้องน้ำอยู่ตรงไหนคะ/ครับ

*Pardon?จะใช้เมื่อเราได้ยินคู่สนทนาไม่ชัด แล้วต้องการรู้ว่าเมื่อกี้พูดว่าอะไร
I beg your pardon?I heard unclearly.ขอโทษนะเมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ ฉันไม่ได้ยินนะ




วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558

การขอบคุณ (Thanks)

สำนวนที่ใช้ในการขอบคุณมีอะไรกันบ้างมาดูกันเลย

1.Thank you. ขอบคุณนะ
2.Thanks. ขอบคุณนะ
3.Thank you very much. ขอบคุณมากๆนะ
4.Thanks a lot. ขอบคุณมาก
5.Much thanks. ขอบคุณมาก
6.Many thanks. ขอบคุณมาก
7.A thousand thanks. ขอขอบคุณหนึ่งพันครั้งเลยนะ
8.A million thanks. ขอขอบคุณหนึ่งล้านครั้งเลยนะ
9.Thanking you beforehand. ขอบคุณล่วงหน้านะ คะ/ครับ
10.Thanking you in advance. ขอบคุณล่วงหน้านะ คะ/ครับ
11.Thank you for your help /your kindnessขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ/ความเอื้อเฟื้อของคุณนะ 
12.Thank you for visitingขอบคุณที่มาเยี่ยม คะ/ครับ

**คำที่ขีดเส้นใต้สามารถเปลี่ยนเป็นคำที่เราต้องการได้

ต่อมามาดูสำนวนที่ใช้ในการตอบรับคำขอบคุณกันบ้าง
1 .You're welcome. ด้วยความยินดีเลย คะ/ครับ
2. It was my pleasure. ด้วยความยินดีเลย คะ/ครับ
3. Never mind. ไม่เป็นไร คะ/ครับ
4. Not at all. ไม่เป็นไร คะ/ครับ
5. Doesn't matter. ไม่เป็นไร คะ/ครับ



Interesting Tips

นอกจากเราจะใช้คำว่า Thank you ในการขอบคุณแล้วยังมีคำอื่นที่น่าสนใจอีกไปดูกันเลย
I appreciate it.ฉันซาบซึ่งมาก
That's very kind of you.คุณเป็นคนมีน้ำใจมาก คะ /ครับ
It's nice of you.คุณเป็นคนดีจังเลย คะ/ครับ
It's good of you.คุณเป็นคนดีจังเลย คะ/ครับ
I don't know how to thank you.ฉันไม่รู้ว่าจะขอบคุณคุณอย่างไงดี



วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558

การกล่าวลา (Saying goodbye)

สำนวนที่ใช้ในการบอกลามีอะไรกันบ้างมาดูกัน



1.Goodbye.ลาก่อนนะ
2.Bye.บ๊าย บาย /ลาก่อน
3.See you on Monday. แล้วเจอกันวันจันทร์นะ
4.See you later.แล้วเจอกันใหม่
5.See you soon.แล้วเจอกันใหม่เร็วๆนี้

Interesting Tips
คำว่า goodbye หรือ bye นอกจากจะแปลว่า ลาก่อนแล้ว ยังสามารถใช้ในความหมายของคำว่า สวัสดีได้ แต่จะใช้ในแบบที่เป็น การสวัสดีในตอนที่ต้องจากกันเช่น

See you tomorrow.Bye
หวัดดี เจอกันพรุ่งนี้นะ

เมื่อมีการบอกลา เราสามารถใช้คำต่อไปนี้ในการแสดงความรู้สึกห่วงใยและอวยพรคู่สนทนาได้
*I will be always thing of you.ฉันคงคิดถึงคุณ
*I will write to you.ฉันจะเขียนถึงคุณนะ
*Hope to hear from you.หวังว่าจะได้ยินข่าวคราวจากคุณนะ
*Take care of yourself.ดูแลตัวเองด้วยนะ
*Good luck.โชคดีนะ



วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558

การแนะนำผู้อื่น (Introducing people)

มาดูซิว่าสำนวนที่ใช้ในการแนะนำผู้อื่นมีอะไรกันบ้าง

1.May I introduce the new student ? This is Ms.Jessie J.ขอแนะนำนักเรียนใหม่นี่คือคุณ เจสซี่ เจ
2.May I present my boyfriend? This is Harry Potter.ขอแนะนำแฟนของฉันนะคะ นี่ แฮร์รี่ พอตเตอร์ คะ
3.I'd like to introduce Ms.Emma,my girlfriend. ฉันขอแนะนำคุณเอมม่า แฟนของฉัน ให้คุณรู้จัก
4.I'd like you to meet Yoona.ฉันอยากให้คุณรู้จักกับยุนอา
5.This is Tom,my friend.นี่ทอมเพื่อนฉันเอง
6.This is Ron.นี่รอน

**สามารถเปลี่ยนคำที่ขีดเส้นใต้เป็นคำที่เราต้องการได้


Interesting Tips!

*ควรแนะนำผู้มีอายุมากกว่าให้ผู้มีอายุน้อยกว่ารู้จักก่อน ในสถานการณ์ทั่วๆไป
*อย่าลืมใส่ Mr./Miss/Mrs.หรือ Ms. นำหน้าชื่อคนทุกครั้ง ในกรณีสถานการณ์เป็นทางการ หรือ กับผู้ที่เราไม่ได้สนิทกันมาก
*สามารถละMr./Miss/Mrs.หรือ Ms.ถ้าผู้แนะนำนั้นสนิทกับเรา และต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เป็นด้วยทางการนะคะ







วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2558

การแนะนำตนเอง( Introducing yourself )

เรามาดูว่ามีสำนวนอะไรบ้างนะคะที่ใช้การแนะนำตัวเองกันคะ

1.May I introduce myself? My name is Harry Potter.(ขอผมแนะนำตัวนะครับ ผมชื่อแฮร์รี่ พอตเตอร์ครับ)
2.Let me introduce myself. I am Katy Perry.(ขอแนะนำตัวเองนะคะ ดิฉันชื่อ เคตี้ เพอร์รี่ คะ)
3.My name is Katniss Everdeen. (ฉันชื่อ แคตนิส เอฟเวอร์ดีน)
4.I am Peeta Mellark. (ผมชื่อ พีต้า เมลลาร์ค)


ต่อมาเรามาดูสำนวนที่ใช้บอกว่ายินดีที่ได้รู้จักว่ามีสำนวนอะไรกันบ้างคะ

1.It's nice to meet you.
2.Nice to meet you.
3.I'm glad to meet you.
(ทั้ง 3 สำนวนนี้แปลว่า ยินดีที่ได้รู้จัก)

4.It's nice to meet you,too.
5.Nice to meet you,too.
6.I'm glad to meet you,too.
(ทั้ง 3 สำนวนนี้แปลว่า ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน)



วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

สำนวนที่ใช้ในการถามทุกข์สุข

มาดูสำนวนในการถามทุกข์สุขแบบง่ายๆ กันคะ 






 1.How are you ?  คุณสบายดีไหม อันนี้พบบ่อยในห้องเรียน

 2.How are they ?  พวกเขาสบายดีป่ะ

 3.How is he/she?  เขา/หล่อน เป็นไงบ้าง

 4.How are you doing? คุณสบายดีไหม

 5.How is Draco? เดรโก นายเป็นยังไงบ้าง

 6.How is he/she doing? เขา/หล่อนสบายดีไหม

 7.How are they doing?  พวกเขาสบายดีรึเปล่า

 8.How have you been? คุณสบายดีไหม

 9.How have they been? พวกเขาสบายดีไหม

10.How has he/she been? เขา/หล่อนสบายดีไหม

11.How's life? ชีวิตตอนนี้เป็นไงบ้าง

12.How is everything? ทุกอย่างเป็นไงบ้าง

12.How is everything going with you ? ทุกอย่างในชีวิตคุณเป็นยังไงบ้าง

12.How is everything going with you ? ทุกอย่างในชีวิตเขา/หล่อนเป็นไงบ้าง

สำนวนที่ใช้ตอบเมื่อถูกถามหาทุกข์สุข

1.Great. เยี่ยม (ประมาณว่าชีวิตโครตดี้ดี อะไรประมาณนี้)
2.I'm very well. ฉันสบายดี
3.He/she is quite well. ก็ค่อนข้างดีนะ
4.I'm fine. สบายดี้
5.We are OK. เราก็ปกติดี
6.SO-so. เรื่อยๆ
7.Not bad. ไม่เลว
8.Not well.ไม่ดีนักหรอก
9.Not very well.แย่มาก 




วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558

สำนวนที่ใช้ในการทักทาย (Expressions used in greetings)

ก่อนอื่นเรามาที่เริ่มสำนวนภาษาอังกฤษง่ายๆที่ใช้ในชีวิตประจำวันกันก่อนนะคะ

1.Good morning.
หลายๆคนรู้แล้วว่ามันแปลว่า สวัสดีตอนเช้า หรืออรุณสวัสดิ์ ซึ่งเราจะใช้ตั้งแต่เช้าถึงเที่ยง
ใช้ได้ทั้งแบบทางการและไม่เป็นทางการเลยคะ่

2.Good afternoon.
แปลว่าสวัสดีตอนกลางวัน ใช้ได้ตั้งแต่เที่ยงไปจนถึงบ่ายแก่ๆเลยคะ่ และใช้ได้ทั้งแบบทางการและไม่เป็นทางการ

3.Good evening.
แปลว่า สวัสดีตอนเย็น ใช้ตอนเย็น ถึงช่วงหัวค่ำ และก็ใช้ได้ทั้งแบบทางการและไม่เป็นทางการ

4.Hello.
แปลว่า สวัสดี ไม่จำกัดเวลาจะใช้ตอนไหนก็ได้ค่ะ ใช้ได้ทั้งทางการและไม่ทางการเลยค่ะ

5.Hi.
แปลว่า สวัสดี ใช้ได้ทุกเวลา แต่จะใช้ในแบบที่ไม่เป็นทางการ จะใช้กล่าวทักทายกับเพื่อน หือคนที่สนิทกัน

6.How do you do?
แปลว่า สวัสดี ไม่จำกัดช่วงเวลาค่ะ แต่เราจะใช้ในสถานการณ์ที่เป็นทางการ แต่มักใช้เมื่อรู้จักเป็นครั้งแรก

7.Long time no see.
แปลว่า ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ จะใช้ในแบบที่ไม่เป็นทางการ

เป็นยังไงกันบ้างค่ะง่ายใช่มั้ยละคะ่

ต่อมาเรามาดูเกร็ดน่ารู้(Interesting Tips) เล็กๆน้อยกันค่ะ
ในกรณีที่สถานการณ์เป็นทางการ เราสามารถแสดงความสุภาพ โดยใส่ คำว่า sir หรือ ma'am ท้ายคำว่า good morning,good afternoon ,good evening โดยจะใช้ sir เมื่อคู่สนทนาเป็นผู้ชาย และใช้ ma'am เมื่อเป็นผู้หญิง เช่น

Good morning,ma'am (สวัสดีตอนเช้าคร้า คุณผู้หญิง)
Good evening ,sir (สวัสดีตอนเย็นครับ ท่าน)